วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะอย่างไรให้ปลอดภัย


ใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะอย่างไรให้ปลอดภัย



“ไม่ว่าคุณจะใช้งานพีซี คอมพิวเตอร์ที่ไหน ก็ไม่ปลอดภัยเท่ากับใช้งานที่บ้านของคุณเอง” ประโยคนี้ผมว่ายังใช้ได้กับปัจจุบันนะครับ แต่จะทำอย่างไรหล่ะ เมื่อคุณจำเป็นต้องไปใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นที่ออฟฟิศ ที่ทำงาน ตามร้านอินเตอร์เน็ต ตามร้านคาเฟ่ สนามบินหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ของเพื่อนคุณ เพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน รวมไปถึงข้อมูล history ประวัติการใช้งานต่างๆ

เทคนิค การใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะให้ปลอดภัย มาแนะนำ มีขั้นตอนหรือวิธีการทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูต่อเลยครับ :-

1. ใช้ Portable Software ทุกครั้งที่สามารถใช้งานได้ - Portable Software คือซอต์ฟแวร์ที่สามารถพกพา ไปใช้ที่ไหนด้วยก็ได้ ยกตัวอย่าง

- Portable Firefox เวปเบราเซอร์เป็นประตูเปิดโลกสู่อินเตอร์เน็ต และถ้าคุณใช้ Firefox browser แบบพกพาผ่าน USB เพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตที่เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ

- Mojopac เป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถติดตั้ง/ใส่โปรแกรมต่างๆ รวมถึงค่า Environment Setting ของโปรแกรมเหล่านั้นลงใน USB drive ซึ่งสามารถนำไปใช้กับเครื่องพีซีเครื่องอื่นๆได้

- สื่อสารหรือสนทนาผ่านเวปด้วย Yahoo Messenger for the Web, Meebo, Google Talk

เป็นต้น

2. เลือกตำแหน่ง ที่ตั้งของคอมพิวเตอร์ที่เป็นส่วนตัว ไม่มีใครรบกวนหรือเดินพลุกพล่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจ้องมอง แอบดูการใช้งานคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงชื่อผู้ใช้งานและ/หรือรหัสผ่าน

3. ให้ลบไฟล์ที่สร้างหรือดาวน์โหลดไฟล์ลงฮาร์ดดิสออกให้หมด หลังจากที่ได้ทำการสร้างหรือดาวน์โหลดไฟล์มาแล้ว เมื่อทำการคัดลอกไปที่ Thumb Drive แล้ว ให้ทำการลบโดยการกดปุ่ม Shift+Delete(Del) เพื่อลบไฟล์โดยไปโยนไปลงถังขยะ

4. ใช้ On-Screen Keyboard เพื่อป้องกันการดักจับจากโปรแกรม Keylogger โดยคุณสามารถใช้โปรแกรม Windows On-Screen Keyboard ช่วย ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้โดยการกดปุ่ม Windows+U แล้วเลือก On-Screen Keyboard เพื่อกรอกชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่านลงไปในโปรแกรมหรือเว็บที่ให้ระบุผู้ใช้งาน รหัสผ่าน

5. เคลียร์ history, temporary internet files หลังจากที่เล่นอินเตอร์เน็ต โดย

- ถ้าใช้ Internet Explorer 7(IE7) ให้ไปที่เมนู Tools > Delete Browsing History > Delete Al

- Internet Explorer (เวอร์ชั่นที่ต่ำกว่า IE7) ให้ไปที่เมนู Tools > Internet Options > เลือกที่แท๊บ General แล้วให้ดูที่ Temporary Internet files จากนั้นคลิก Delete Files แล้วคลิกที่ Delete Cookies และในส่วนของ History ให้คลิกที่ Clear History หรือคุรสามารถเข้าไปลบไฟล์ได้โดยตรงที่ C:Documents and SettingsusernameLocal SettingsTemp

- Firefox ให้ไปที่เมนู Tools > แล้วคลิกที่ Clear Private Data

6. ให้ทำการ Logout ออกจากโปรแกรมใดๆหรือเวปต่างๆที่คุณ login เข้าใช้งานทุกรั้ง ไม่ว่าจะเป็น IMs, Browser, FTP, หรืออื่นๆ

7. อย่าทำการสั้งซื้อของหรือให้ข้อมูลส่วนตัว เมื่อคุณใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ ยกตัวอย่างเช่น เลขที่บัตรเครดิต, เลขที่ paypal account รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ

8. และที่ขาดไม่ได้ก็คือ เมื่อคุณทำทุกขั้นตอนที่ผ่านมาแล้ว ให้ทำการรีสตาร์ท(reboot) เครื่องใหม่ด้วยทุกครั้ง เพื่อทำการเคลียร์ข้อมูลที่ค้างอยู่ในหน่วยความจำหรือRAM รวมไปถึง Pagefile ต่างๆ

เป็นยังไงกันบ้างครับ เคยทำหรือใช้ขั้นตอนวิธีไหนไปบ้างหรือยัง หรือหากใครมีวิธีการอื่นๆ นอกจากนี้ สามารถคอนเม้นท์เพิ่มเติมได้นะครับ





ที่มา; HTTP://WWW.ET2YOU.COM/INDEX.PHP?

ต้นกำเนิดไวรัสคอม

ต้นกำเนิดไวรัสคอม 

     ต้นกำเนิดไวรัสคอม

     ทุกคนคงจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับไวรัส คอมพิวเตอร์ที่เป็นข่าวดังมากทีเดียว นั่นก็คือ ไวรัสที่เรียกว่า “Sircam” ้
สร้างความปั่นป่วนกับวงการคอมพิวเตอร์มากทีเดียว และมูลค่าของความเสียหาย หลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้วเพียงเวลาไม่นาน ก็มี ไวรัส CodeRed ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้กับ วงการคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ดังนั้น เพื่อความไม่่ประมาทในการใช้คอมพิวเตอร์ จึงมีเกร็ด ของเรื่องราวของไวรัส ที่น่าสนใจ มาให้อ่านกันดังนี้



    ไวรัสเกิดขึ้นได้อย่างไร
     มักจะมีคำถามที่สงสัยกันเสมอมา ไวรัสเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จริงๆแล้วต้นกำเนิดไวรัสมาจากที่ไหนกันแน่
คำตอบที่หนีไปไม่พ้นเลยก็ คือ ผู้ที่สามารถสร้างและพัฒนาไวรัสได้้ต้องเป็นคนที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ได้
อย่างแน่นอน และต้องเข้าใจการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีอีกด้วย
คนที่สร้างไวรัส ขึ้นมา อาจจะเป็นพวกที่จิตใจไม่ปกติอยู่ก่อนแล้ว ชอบทำลายเข้าของ สาธารณะ และถ้าหากคนที่มีความคิดไม่ปกติ อย่างนี้ มีความสามารถในการเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร ์ ก็มีความเป็น ไปได้สูงมากที่จะพัฒนาไวรัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมา และสนุกกับการปล่อยไวรัสให้กับผู้อื่น เดือดร้อน คนอีกประเภทหนึ่ง คงจะหนีไม่พ้นพวกที่ีมือซุกซน อยุ่ไม่นิ่ง พวก อยากรู้อยากลอง และพวกชอบการท้าทาย คิดว่าตัวเองแน่กว่าคนอื่น ๆ สุดท้ายคือ พวกชอบอวดเก่งอวดรู้ พวกนี้จะเป็นพวกเก่ง และมีความสามารถจริงๆ จนสามารถเข้าถึงระบบและมองเห็นช่องโหว่ของระบบได้จริงๆ แต่แทนที่จะนำเสนอ ออกมาให้ถูกวิธี โดยการ นำข้อมูลนี้ไปบอกกับผู้เกี่ยวข้อง ก็กลับ ทำให้เผู้เกี่ยวข้องรู้โดยการแสดงให้เห็นเลยว่าตัวเองถึงช่องโหว่ของระบบ นั่นหมายความว่า เขาจะพยายามหาช่องโหว่ของระบบ ในการสร้าง ไวรัสคอมพิวเตอร ์หรือ การเจาะระบบนั่นเอง



     สิ่งที่นักพัฒนาไวรัสไม่มีคือ ความเข้าใจถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะพวกนี้ไม่รู้ว่า ไวรัส ที่ตัวเองสร้างขึ้นมานั้น จะสร้างความเสียหายจริง ได้มากขนาดไหนเพราะเพียงแค่สั่งให้ทำลายข้อมุลในฮาร์ดดิสก์ เมื่อไวรัสทำงานและติดต่อไปยังพนักงานที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยในบริษัทที่เก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ ไวรัสจะ สามารถทำลายข้อมูล ที่บริษัทนั้นทำมาเป็นปี ๆ ภายในเวลาไม่กี่วินาที นั่นเป็นเหตุผลว่า การสร้างไวรัสคอมพิวเตอร์ จึงเป็นการทำอาชญากรรมอย่างหนึ่ง และต้องมีบทบาทและบทลงโทษ กันอย่างจริงจังอีกด้วย



    ไวรัสสายพันธุ์ไทยตัวหนึ่งที่ระบาดเมื่อประมาณสิบปีก่อนจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้พัฒนาแค่นึกสนุกอยากสร้างให้มันเป็นไวรัสของตัวเองและไม่ได้คิดว่าจะสร้างผลร้ายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ เลย จนในที่สุดเมื่อควบคุมไม่ได้แล้วจึงต้องนำมาแก้ไข ปัญหากันในภายหลัง ีหลังจากนั้นไม่กี่ปี มีนักศึกษามหาวิทยาลัย อีกคนหนึ่ง พัฒนาไวรัสเพื่อทำลายไฟล์ .c .cpp และ .pas โดยเฉพาะ มันส่งผลกะทบมากมาย และที่แย่ไปกว่านั้น ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสต่างๆ ก็มีรายการนี้เก็บเอาไว้และระบุแหล่งที่มาเอาไว้เรียบร้อย
มารู้จักกับไวรัสพันธุ์ต่าง ๆ



   ไวรัส คอมพิวเตอร์ ก็คือโปรแกรม โปรแกรมหนึ่งในคอมพิวเตอร์นั่นเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเกิด จากการหาข้อผิดพลาด ของระบบ คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ หรือโปรแกรมต่างๆ ไวรัสมักจะเกิดขึ้นจาก เครื่องมือ ที่เราใช้งานกัน ในลักษณะการพัฒนา โปรแกรม หรือข้อบกพร่องในการทำงานของคอมพิวเตอร์นั่นเอง ต่อมา ก็ได้มีการกระจายข้อมุลกันมากขึ้น ก็มีการใช้เครื่องมือ ซอร์ฟแวร์ต่างๆ แล้วนำไปสร้างไวรัสอีกต่อหนึ่ง ถ้าเปรียบกับเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่เรามีใช้กันในชีวิตประจำวัน ซึ่่งแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าหาก ่ผู้ใช้นำไปใช้ในทางทไม่ที่ไม่ถูกก็จะให้เกิดโทษมากมายเช่นกัน
ไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีลักษณะของการทำงานแตกต่างกันออกไป ซึ่งในปัจจุบันไวรัสบางตัวมีการทำงานที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งจะจำแนกรายละเอียดได้ พอคร่าวๆ คือ ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมชดหนึ่ง ที่ี่เขียนโดยผู้ทีู่้ไม่ประสงค์ดี หน้าที่ของไวรัสแต่ละตัว มีจุดมุ่งหมาย แตกต่างกันแล้วแตผู้พัฒนาต้องการให้ มันทำหน้าที่อะไร แต่ที่เหมือนกันก็คือ อย่างน้อยที่สุดจะ เข้าไปก่อกวนระบบ โดยบางชนิดอาจจะไม่สร้างความเสียหายมากนัก ไปจนถึงชนิดที่เข้าไปทำลายระบบ รวมทั้งข้อมูลที่เก็บเอาไว้ ซึ่งเป็นSoftware รวมไปถึงHardwareด้วย การทำลาย Hardware ไม่ได้เป็นการทำลายโดยตรง เพราะ โค้ดพวกนี้ไม่สามารถทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ แต่ ไวรัสจะี่เข้าไปทำลายเฟริ์มแวร์ ที่ควบคุมการทำงาน ของ Hardware ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นเพียงการทำลายข้อมูลที่เป็นSoftware เช่นเดียวกัน แต่จะส่งผล ให้ Hardware นั้นใช้การไม่ได้



หนอนคอมพิวเตอร์



    เวิร์ม หรือ หนอนคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติก็คือ สมารถ Copy ตัวเอง จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้โดยอัตโนมัติผ่านทางเครือข่ายเน็ตเวิร์คหรือว่า อินเทอร์เน็ต
อินเทอร์ เน็ต ทำให้เวิร์มสามารถขยายพันธุ์และเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ บนระบบเน็ตเวิร์กได้ไม่ยาก วิธีการขยายตัวของมันเองด้วยวิธีนี้ ทำให้เวิร์มสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้อินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น เครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็เป็นเน็ตเวิร์กอย่างหนึ่งที่เวิร์มใช้แพร่กระจาย และสามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผลเสียอีกอย่างหนึ่งที่เวิร์มสร้างเอาไว้ ให้กับระบบ ก็คือ เวิร์มจะมีการส่งข้อมูลตัวมันเอง ออกไปในเน็ตเวิร์ก ซึ่งการส่งข้อมูลนี้จะไปทำให้ระบบการรับส่งข้อมูล ของ เน็ตเวิร์กทำงานช้าลง เพราะแบนด์วิดธ์ส่วนหนึี่งของเน็ตเวิร์กทำงานช้าลง ที่เป็นเช่นนี้ เพราะแบนด์วิดธ์ส่วนหนึ่ง ของเน็ตเวิร์ก หมดไปกับเวิร์มเสียแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการทำลายใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม แต่ ปัญหาที่ตามมาก็ึคือ ถ้าเวิร์มตัวนั้น ไปลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์หรือทำลายไฟล์ต่างๆ หรืออาจจะส่งข้อมูลส่วนตัวออกไปให้ผู้อื่นในเน็ตเวิร์ก แน่นอนว่านั่นคืือผลเสียที่ได้รับจริงๆ และส่งผลกระทบโดยตรงกับผุ้ใช้อย่างแน่นอน คงจำไวรัส Code Red กันได้ ที่ระบาดในช่วง ปลายเดือนกรกฎาคม ทีผ่านมานั้น ข่าวบอกมาว่าไวรัส ตัวนี้สามารถ copy ตัวเองได้ 2 แสนกว่าครั้งในเวลาเพียง 9 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าสูงมากเลยทีเดียว CodeRed นั้นถูกโปรแกรมให้จู่โจม แบบ Ddos เข้าไปที่ www.whitehouse.gov แล้วถูกโปรแกรมให้มีการจู่โจมในวันเดียวกัน เข้าไปที่เดียวกัน ซึ่งกว่าจะถึงวันโจมตก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์นับพันนับหมื่นเครื่องทีติดเข้าไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อถึงวันโจมตี พีซีจากทั่วโลก ที่ติดไวรัส จะถูกส่งกลับมาที่เว็บไซต์ที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ นั่นหมายความว่า เว็บต้องรับการ คอนเน็กต์ เพื่อร้องขอข้อมูล ในปริมาณ มากจากทั่วโลก โดยคนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่่า เขาเป็นหนึ่งในผู้โจมตี และผลลัพธ์ก็คือเว็บไซต์นั้น จะทำงาน ช้าลง หรือไม่ก็ถึงขนาดต้องปิดตัวเองลงตามไปด้วย เนื่่องจากการตอบสนอง กับการร้องขอ ปริมาณมหาศาลไม่ได้



ไวรัสคอมพิวเตอร์



   สำหรับไวรัสที่เป็นไวรัสจริง ๆ จะแตกต่างจากเวิร์ม ไวรัสคอมพิวเตอร์จะเหมือนกับไวรัส ที่ติดต่อระหว่างคน ซึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์ก็จำเป็นต้องใช้พาหะในการติดต่อเช่นเดียวกันแล้วแต่ว่า ไวรัสตัวนั้นถูกโปรแกรมมาอย่างไร โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไวรัสจะต้องมีจุดเริ่มต้นเสียก่อน ซึ่งอาจจะติดมากับไฟล์แอพพลิเคชัน หรือเอกสาร ตัวใด ตัวหนึ่ง หรือติดมาในบูตเชกเตอร์ของแผ่นดิสก์ จากนั้นเมื่อรันแอพพลิเคชั่นนั้น ขึ้นมา ไวรัสจะเริ่มทำงานทันที และสามารถติดต่อไปยังโปรแกรมหรือ เอกสารอื่นๆ ได้โดยใช้สื่อต่างๆ ผ่านทางฟลอปปี้ดิสก์และซีดีรอม การทำงานของไวรัสนั้นก็คือ จะก็อบปี้ตัวเอง ลงในหน่วย ความจำ จากนั้นเมื่อเปิดโปรแกรมใดก็ตาม โปรแกรมหรือ แอพพลิเคชั่นทุกตัว ที่รันหลังจากนั้นจะติดไวรัสด้วย ทั้งหมด เช่น



Stone ไวรัสตัวนี้ จะติดในบูตเชกเตอร์ จะทำให้ดิสก์ที่ติดไวรัสไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนการทำลายล้าง นั้นไม่มากมายเท่าใดนัก



     Friday 13th ถ้าติดไวรัสตัวนี่เข้าไปแล้ว ไฟล์ข้อมูลออาจจะใช้ไม่ได้ และี่เมื่อถึงเวลาที่ไวรัสตั้งเอา ไว้เป็นเงื่อนไข คือ ศุกร์ 13 ไวรัสจะทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ โดยไม่มีการเตือน ล่วงหน้า แต่สมัยนี้
้คงหมดยุคของศุกร์ 13 แล้ว เพราะ แพลตฟอร์มเครื่องที่ใช้ก็เปลี่ยนไปจากเดิม และถ้าหากจะมีการฟอร์แมต ฮาร์ดดิสก์ขึ้นมาจริงๆ ตัวซอร์ฟแวร์ป้องกันไวรัส หรือวินโดวส์ต่าง ก็สามารถเตือน ให้เราทราบก่อนเสมอ และี่เมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญจะมีระบบป้องกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว



     โทรจัน ก็เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่ีัจัดว่า อันตรายเหมือนกันแต่ เป็นโปรแกรมที่มีหน้าที่
่ทำลายล้างโดยตรง โดยอาศัยผู้ใช้เองเป็นผู้เรียกขึ้นมาทำงาน เพราะเมื่อก่อน ระบบการออนไลน์จะเป็นการ ใช้งานลักษณะ บูเลตินบอร์ด ซึ่งมีทั้งโปรแกรมให้ดาวน์โหลดมาใช้งาน แต่หลังจากดาวน์โหลดมาแล้ว เรียกใช้งาน แทนที่โปรแกรมนั้นจะเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้ กลับทำลายข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ภายในเครื่องแทน การแพร่ระบาดสำหรับโทรจันนั้น ส่วนมากจะสามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่า เมื่อผุ้ทีติดไปแล้ว บูเลตินบอร์ดแห่งนั้นคงจะลบไฟล์นั้นออกไปเอง หรืออาจจะมีการส่งข้อความ เตือนผู้ใช้คนอื่น ได้อย่างทันท่วงที แต่นั่นเป็นเมื่อก่อนที่อินเทอร์เน็ตยังไม่มีบทบาทเหมือนกับปัจจุปันนี้ ซึ่งโทรจันจะถูกส่งต่อ กันทาง อีเมล์ โดยอ้างตัวว่าเป็นเครื่องมือต่างๆ นานา ตัวอย่างเช่น Navidad หรือ อ้างว่าเป็น โปรแกรมสำหรับช่วยงาน เพาเวอร์พอยนต์ และเป็นไดรเวอร์ IDE ใหม่ที่จะทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น หากใครเปิดไฟล์ที่ได้รับขึ้นมา ก็มักจะใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้อีกเลย



ข้อสังเกตุก็คือ โทรจัน ที่ส่งมากับอีเมล์นั้นจะเป็นไฟล์ที่รันได้ (.exe.com.vbs) ซึ่งจะบอกประโยชน์ของการใช้งาน เอาไว้ แต่ขนาดของโปรแกรมที่จะสามารถทำงานแบบนั้นได้ เช่น โทรจัน มีขนาดเล็กเพียงไม่กี่กิโลไบต์เท่านั้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบไดรเวอร์หรือโปรแกรมอย่างที่โฆษณาไว้จริงๆ ก็ควรจะมีขนาดหลายร้อยกิโลไบต์หรือหลายเมกะไบต์ นั่นหมายความโปรแกรมที่ส่งมาคงจะเป็นโปรแกรมต่างๆ อย่างที่บอกมานั้นไม่ได้แน่นอน และถ้าใครไปเรียกใช้ขึ้นมา โทรจันก็จะทำงานทันที อย่างเช่น
Navidad นั้นจะทำให้ไม่สามารถเรียกใช้แอพพลิเคชันใดๆ ในเครื่อง ที่ยังมีนิสัยดีหน่อยคือทำได้อย่างที่โฆษณาเอาไว้ แต่สุดท้ายแล้วก็ย้อนกลับมาทำลายระบบเช่นกัน ดังนั้นอย่าไว้ใจไฟล์เอ็กซีคิวใดๆ ที่ส่งมาให้ทาง e-mail โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟล์ที่มีขนาดเล็กๆ และไฟล์ที่มีส่วนขยายมากกว่า 1 ชุด ( เช่น Annakournikoval.jpg.vbs)



มาโครไวรัส



    จุดเริ่มต้นของมาโครไวรัสอยู่ที่ชุดไมโครซอฟท์ออฟฟิต เพราะว่า ออฟฟิตมีการพัฒนาให้สามารถใช้ VBA ได้นั่นเอง Melissa ทีโด่งดังมากอยู่ช่วงหนึ่งก็เป็นมาโครไวรัสเช่นกัน มาโครไวรัสค่อนข้างจะมีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าจะทำงานได้เฉพาะในแอพพลิเคชันที่สนับสนุนชุดคำสั่งมาโครที่เขียนขึ้นมาเท่านั้น เช่น มาโครไวรัสที่เขียนขึ้นมาจากไมโครซอฟท์ออฟฟิตก็จะทำงานในไมโครซอฟท์ออฟฟิตเท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยน่าจะอันตรายนัก แต่ปุจจุบันนี้เราใช้ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ออฟฟิตศจนกลายเป็นเรื่องปกติ เช่น เดียวกับที่เราใช้ไมโครซอฟท์เอาต์ลุกส์ในการรับเมลล์ ทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเอาต์ลุกส์ (และเอ้าท์ลุกส์ เอ็กเพรส) สามารถทำงานตามสคริปต์ต่างๆ ได้นั่นเอง และก็ใช่ว่าจะเป็นกับเฉพาะซอฟต์แวร์ 2 ตัวนี้เท่านั้นแต่กับอีเมลล์ไคลเอนต์ ตัวอื่นก็มีผลกะทบเช่นเดียวกันนอกจากมาโครไวรัสที่เขียนขึ้นจากออฟฟิศแล้ว ยังมีสคริปต์หรือโค้ดในรุปแบบต่างๆ อีกด้วย เช่นอาจจะมาในรูปแบบของแอ็กทีฟโค้ดแบบต่างๆ กัน ดังนั้นไม่จำเป็นว่าเราต้องใช้ออฟฟิศเท่านั้นจึงจะติดไวรัสแต่บรรดาแอ็กทีฟโค้ดเหล่านี้สามารถรันขึั้นมา ดังนั้นโอกาสที่จะติดไวรัสสำหรับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ตก็เป็นเรื่องธรรมดาไปเลยทีเดียว การทำงานของมาโพโครไวรัส นั้นจะอ้างอิงจากความสามารถของภาษาสคริปต์ทีี่เขียนขึ้นมา อย่างเช่น VBA หรือ ActiveX ซึ่งถ้ามีความสามารถมากไวรัสก็สามารถทงานได้มากตามไปด้วย สำหรับ



    Melissa นั้นออกระบาดในช่วงปลายปี 1999 โดยจะทำงานในไมโครซอฟท์เวิร์ด เมื่อมีการรันขึ้นมา Melissa จะ copy ตัวเองส่งต่อ ออกไปยังผู้รับในแอดเดรสบุ๊กได้ถึง 50 คน และเมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้ Melissa สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
I Love You เมื่อผุ้รับเปิดรันไฟล์ที่ส่งมาในอีเมล์ ไวรัสจะเริ่มทำงานทันที พร้อมทั้งส่งต่อให้ผู้อื่นต่อไป จากนั้นจะเริ่มลงมือทำลายเครื่องคอมพิวเตอร์ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ทุกคนยังเข้าใจว่า มาโครไวรัสจะทำงาน ได้้ก็ต่อเมื่อเราไปรันมันขึ้นมา และมันจะไม่สามารถทำงานได้เองอัตโนมัติ แต่หลังจากที่ BubbleBoy ออกอาละวาดทำให้ทุกคนเข้าใจทันทีว่าความจริงไม่ได้ เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเราได้รับอีเมล์ที่ติดไวรัส BubbleBoy มา เพียงแค่คลิกเลือกเมล์ หรือฟรีวิวอีเมล์นี้ในช่องพรีวิว โดยที่ผู้รับยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่า อีเมล์ที่ได้รับมานั้น เขียนข้อความว่าอย่างไร ไวรัสก็สามารถทำงานได้แล้ว



วิธีป้องกัน



    วิธีการป้องกันอย่างแรกคือ ควรจะหาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสมาติดตั้งเอาไว้ในเครื่องสักตัว และไม่ควรใช้มากกว่า 1 ตัว เพราะจะสร้างปัญหาระหว่างกันก็เป็นได้ และ หลังจากนั้นก็ควรอัพเดดโปรแกรม บ่อยที่สุด ตามที่บริษัทผู้ผลิต มีการอัพเดดออกมา วิธีนี้จะช่วยให้ป้องกันให้ปลอดภัยจากไวรัสได้มากทีเดียว
สำหรับผุ้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และใช้เอาต์ลุกเป็นซอฟแวร์รับเมล์ก็ไม่ควรจะรันไฟล์ เอ็กซีคิว หรือสคริปต ์ที่ส่งมา ให้แม้แต่จากคนที่รู้จักก็ตาม เพราะว่าบางครั้งคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ส่ง แต่ไวรัสเป็นผู้ส่งอัตโนมัติ ถ้าหากเราเข้าใจว่าเพื่อนคนนั้นเป็นผู้ส่งจริงแล้วรันไวรัสขึ้นมา ไวรัสก็จะีมีโอกาสติดในเครื่องได้เช่นกันด้วย และที่สำคัญอีกอย่างหนึี่งก็คือ สื่อใดก็ตามที่นำมาจากภายนอกล้วน แต่อาจจะนำพาไวรัสมาด้วยทั้งสิ้น จึงไม่ควรไว้ใจ
่ ควรตรวจสอบไวรัสก่อนเสมอ และควร รันซอฟแวร์ ป้องกันไวรัสค้างเอาไว้ด้วย ซึ่งไม่เจำเป็นต้อง เฉพาะแผ่นดิสก์เท่านั้น ยังรวมไปถึงแผ่น CD-Rom ,Jazz ,Zip ,Ls-120 หรือแม่้แต่ Thumbdrive หรือสื่อเก็บข้อมูลอื่นๆ เพราะไวรัสสามารถติดกับข้อมูลได้ทุกแหล่งที่มันสามารถบันทึกตัวมันลงไปได้
ซอฟแวร์ที่ใช้ป้องกันไวรัสนั้นมีอยู่หลายตัวให้เลือก


ที่มา; HTTP://WWW.ET2YOU.COM/INDEX.PHP?




วิธีแก้ปัญหา System Restore ไม่ทำงานบน Windows XP



วิธีแก้ปัญหา System Restore ไม่ทำงานบน Windows XP

     ผู้ใช้ Windows XP อาจจะประสบกับปัญหา System Restore ไม่ทำงาน โดยเมื่อเรียกใช้งานวินโดวส์จะแสดงข้อความผิดผลาดว่า
"System Restore has encountered a problem and needs to close." ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้เกิดจากระบบ System Restore เสีย
สำหรับวิธีการแก้ไขทำได้โดยการติดตั้งใหม่ตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start คลิก My Computer จากนั้นในหน้าต่าง Windows Explorer ให้คลิก Tools แล้วคลิก Folder Options
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Folder Options ให้คลิกแท็บ View
3. ในหัวข้อ Advanced Settings ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ "Show hidden files and folders." และเคลียร์เช็คบ็อกซ์ "Hide extensions for known files types."
เสร็จแล้วคลิก OK
4. ในหน้าต่าง Windows Explorer ให้ท่องไปยังโฟลเดอร์ Windows (ตำแหน่งโฟลเดอร์ Windows นั้นจะขึ้นอยู่กับการติดตั้ง โดยทั่วไปจะเป็นไดร์ฟ C:
5. ทำการค้นหาไฟล์ชื่อ sr.inf หลังจากค้นหาพบแล้ว ให้คลิกขวาที่ไฟล์ sr.inf เลือก Install แล้วรอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ
6. ปิดหน้าต่าง Windows Explorer เพื่อจบการทำงาน

   ข้อควรทราบ: วิธีการตามขั้นตอนด้านบนจะเป็นการติดตั้ง System Restore ใหม่ ซึ่งจะทำให้ Restore point ที่มีอยู่ก่อนหน้าถูกลบทิ้งหมด

สาระหน้ารู้ข่าว IT

สาระหน้ารู้ข่าว IT

Windows Me  คืออะไร

       Windows ME (Millennium Editor) เป็นระบบปฏิบัติการใหม่สุดของ Microsoft ซึ่งวางขาย เมื่อกันยายน 2000 Window ME ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ตามบ้าน โดยเวอร์ชัน Windows 2000 ได้รับการพัฒนาให้ใช้ในทางธุรกิจ Microsoft ได้กล่าวว่าเป็นการปรับปรุง Windows 98 โดยรวมการอินเตอร์เฟซโดยสัญชาติญานสำหรับผู้ใช้ใหม่ และเพิ่มฟังก์ชันการทำงานสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์

การออกแบบทำให้เข้าได้กับ Windows 98 ทำให้ Windows ME จะทำงานกับโปรแกรมประยุกต์และ driver เดิมได้ สิ่งที่ปรับปรุงเหนือกว่าWindows 98 คือ เพิ่มฟังก์ชัน เพื่อทำให้ระบบมีเสถียรภาพและการแก้ไขความผิดพลาด (PC health) และเครื่องมือในการออกแบบสำหรับdigital media เครือข่ายภายในบ้านและ online experience
PC health
     - การฟื้นฟูระบบ โดยยินยอมให้ผู้ใช้ไปยังคอนฟิกเดิม เมื่อพบปัญหา
     - การป้องกันไฟล์ของระบบ เป็นการป้องกันการแก้ไขไฟล์สำคัญของระบบโดยไม่ตั้งใจ
     - การปรับปรุงอัตโนมัติ
Digital Media
     - Image acquisition เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการย้ายภาพจากอุปกรณ์ดิจิตอล เช่น กล้องดิจิตอล
     - Movie Maker ทำให้สามารถแก้ไข การบันทึก และการใช้ Video ร่วมกัน
     - Media Player 7 เป็นการประสานงานและจัดการทำงานของ digital media
     - DirectPlay Vice Chat ทำให้สามารถใช้ Chat ระหว่างผู้ใช้บนเว็บ
Home Networking
     - Home Networking Wizard เป็นขั้นตอนแนะนำผู้ใช้ในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในบ้าน
     - ปรับปรุงเทคโนโลยีสำหรับการติดต่ออินเตอร์เน็ตแบบร่วม
     - ปรับปรุงเครือข่าย Universal Serial Bus
     - เทคโนโลยี Universal Plug - and - Play
Online Experience
     - Internet Explorer 5.5
     - NetMeeting 3.0
     - ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของ Outlook และ MSN Messenger Server
     - การใช้ Web publishing ง่ายขึ้น
ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น มีหลายฟังก์ชันที่สามารถดาวน์โหลด ได้ฟรีจาก Web site ของ Microsoft Windows ME เป็นระบบปฏิบัติการสุดท้ายที่ใช้ kernel ของ Windows95 ระบบปฏิบัติการต่อของ Microsoft (ใช้ชื่อรหัสว่า "Whistler") คาดว่าจะนำออกเผยแพร่ในปี 2001





Windows NT  คืออะไร

      Windows NT เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Microsoft Windows บนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่ได้รับการออกแบบสำหรับผู้ใช้และธุรกิจของระบบ ที่มีความสามารถระดับสูง Windows NT แบ่งได้ 2 ระดับ คือ Windows NT Workstation และ Windows NT Server Workstation

ได้รับการออกแบบให้ใช้กับผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยธุรกิจ ซึ่งต้องการมีความเร็วและระบบที่เสียหายน้อย และ Windows 98 Server มีความสามารถในการประยุกต์กับ Internet Server เช่น Microsoft Internet information Server (IISสำหรับระบบ Windows ที่วางแผนที่จะใช้เว็บเพจ
Windows NT Workstation เป็นระบบปฏิบัติการ 32 บิต ที่มีความเร็วมากกว่า Windows95 20% ตั้งแต่ระบบ 16 บิต การจัดพื้นที่การทำงานจะให้โปรแกรมใช้พื้นที่ที่แยกจากกัน เมื่อมีโปรแกรมหนึ่งเสียหาย จะไม่มีผลต่อโปรแกรมอื่นหรือระบบปฏิบัติการ ในส่วนระบบความปลอดภัยและการบริหารการอินเตอร์เฟซ ของ Work Station เหมือนกับ Windows 95
Windows NT Server เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากในระบบเครือข่าย Microsoft กล่าวว่า NT Server เริ่มที่จะเข้าไปแทนที่ Netware และระบบ Unix ต่าง ๆ เช่น Sun Microsystems และ Hewlet-Packard สำหรับ NT server 5.0 จะใช้ชื่อใหม่ว่า Windows2000 ส่วนสำคัญของWindows 2000 คือ
     - การเจาะจงการบริหารอย่างเดิม ตามประเภทงาน นอกเหนือจากไฟล์ โปรแกรม และ Users
     - วิธีการใหม่ของ file directory เรียกว่า Active Directory ที่ให้ผู้บริหารระบบและผู้ใช้งาน สามารถดูไฟล์และโปรแกรมในระบบเครือข่ายผ่านการดูที่จุดเดียว
     - Dynamic Domain Name Server (DNS) จะทำการ replicate การเปลี่ยนแปลงในระบบเครือข่าย โดยใช้ Active Directory Service, Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP) และ Windows Internet Naming Service (DVINSถ้าลูกข่ายต้องการการคอนฟิกใหม่
     - สามารถสร้าง ขยาย และ Mirror ขนาดของดิสก์ โดยไม่ต้องปิดระบบและทำการสำรองข้อมูล ด้วยอุปกรณ์การเก็บได้หลายประเภท เช่นMagnetic หรือ Optical Storage media
     - Distributed File System (DFSให้ผู้ใช้มองเห็นกลุ่มการกระจายของไฟล์ในโครงสร้างไฟล์เดียว ข้ามแผนก ฝ่าย และหน่วยธุรกิจ
     - สนับสนุนและร่วมกับ Microsoft's Message Queue Server, Transaction Server, และ Internet information Server (IIS)



 Windows 7  คืออะไร

    Windows 7 เป็นระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows เผยแพร่เชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2552 ในการพัฒนาWindows 7 รู้จักในชื่อรหัส “Blackcomb” และ “Vienna”


Windows 7 ได้รับการสร้างบนเคอร์เนล Vista ต่อผู้ใช้สุดท้ายจำนวนมาก การเปลี่ยนใหญ่ที่สุดระหว่าง Vista และ Windows 7 เร็วกว่าในเวลาบู๊ต การอินเตอร์เฟซผู้ใช้ใหม่และนอกเหนือจาก Internet Explorer 8 ระบบปฏิบัติการนี้มีให้อย่างกว้างขวางในสามรุ่นค้าปลีกคือ Windows 7 Home Premium, Professional และ Ultimate นอกจากนี้ ในบางตลาดมีรุ่น Starter, OEM และ Enterprise

ส่วนการทำงานของ Windows 7
DirectAccess for Mobile Workers - ยอมให้ผู้บริหาร IT ปรับปรุงการตั้งค่านโยบายกลุ่ม (Group Policy) และการกระจายการปรับปรุงซอฟแวร์ทุกเวลาที่อุปกรณ์โมบายเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนต ไม่ว่าผู้ใช้เข้าสู่ระบบหรือไม่ DA สนับสนุนการรับรองและเข้ารหัสแบบ encryptionหลายแฟคเตอร์
XP mode - ยอมให้โปรแกรมประยุกต์เก่ากว่าสำหรับ Windows XP เพื่อใช้เวอร์ชันเสมือนของระบบปฏิบัติการ XP ต่อผู้ใช้สุดท้าย โปรแกรมประยุกต์ดูเหมือนเรียกใช้ได้ถูกต้องบนเครื่องตั้งโต๊ะ Windows 7
BranchCache - WAN optimization ที่มีประสิทธิภาพการใช้แคชแบบอ่านอย่างเดียวท้องถิ่นทั้งหมดดีกว่า
BitLocker To Go - ขยายการเข้ารหัสแบบ encryption บนดิสก์และเทคนิคการบริหาร key กับอุปกรณ์จัดเก็บเคลื่อนที่
Virtual hard disk support - ยอมให้รวมฮาร์ดดิสก์เสมือน (virtual hard disk หรือ VHDและการปฏิบัติสัมพันธ์ในฐานะดิสก์กายภาค
Enterprise Search - ขยายการค้นหาที่จัดเก็บเอกสารทางไกล ไซต์ SharePoint และโปรแกรมประยุกต์เว็บ
AppLocker - ยอมให้ผู้บริหาร IT ใช้นโยบายกลุ่มเพื่อระบบุกฎเกี่ยวกับโปรแกรมประยุกต์ซอฟต์แวร์ที่สามารถเรียกใช้บนเครื่องตั้งโต๊ะของผู้ใช้เฉพาะ
Enhanced VDI - ยอมให้ผู้บริหารใช้ภาพหลักเดียวกันสำหรับทั้งลูกข่ายทางไกลที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานเครื่องตั้งโต๊ะและเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบดั้งเดิม
Windows 7 ต้องการโพรเซสเซอร์ 1 GHz (32-บิต หรือ 64-บิต), RAM ขนาด 1 GB (32-บิต) / RAM ขนาด 2 GB (64-บิต), พื้นที่ดิสก์ 16 GB (32-บิต) / 20 GB (64-บิต) และ อุปกรณ์กราฟฟิก DirectX 9 กับไดร์ฟเวอร์ WDDM 1.0 สูงกว่า ตามข้อมูล

 WSS  คืออะไร

        Windows SharePoint Server (WSSตามปกติเรียกอย่างง่ายว่า "Sharepoint" เป็นแพล็ตฟอร์มบนพื้นฐานพอทัล (portal-based platform) สำหรับการสร้าง จัดการและเอกสารร่วมและการเจาะจง WSS มีให้เป็นการดาวน์โหลดฟรีรวมกับทุกใบอนุญาต Windows Server โดย Microsoft Office SharePoint Server (MOSS) เสนอการเพิ่มชุดของความสามารถที่เพิ่มและสร้างขึ้นกับพื้นฐานแกนของ WSS เป็นการจูงใจสำหรับผู้บริหารระบบในการอัพเกรด

Sharepoint ได้รับการเพิ่มกับ Windows Server เวลาเดียวกันกับ Office XP ภายใต้ชื่อ "SharePoint Team Services" หรือ STS โดย STS มีให้เป็นส่วนของ Microsoft FrontPage และสามารถเรียกใช้บน Windows 2000 Server หรือ Windows XP เวอร์ชัน 2.0 เพิ่มส่วนพิเศษของการทำงานของแพล็ตฟอร์มโดยการจัดเก็บทั้งเอกสารและข้อมูล meta ในฐานข้อมูลและเพิ่มการสนับสนุนสำหรับเวอร์ชันที่จัดการรายการในไลบรารีเอกสาร SQL Server และ .NET framework เวอร์ชันนี้ของซอฟต์แวร์ได้รับการดาวน์โหลดและเครื่องมือที่ไม่คาดหวังอัตราโดย Microsoft ผู้บริหารระบบปรับแพล็ตฟอร์มให้ถูกลงและง่ายในการแนะนำการรวมเอกสารร่วมและแก้ไขใน environment ของ Windows โดย Microsoft บันทึกว่าสิ่งนี้ใช้และรวม Sharepoint เป็นจุดสำคัญพื้นฐานของยุทธศาสตร์ในการรวมคอมพิวเตอร์เชิงสังคม เพื่อนำเทคโนโลยี Web 2.0 เช่น blog, wiki และเครือข่ายสังคม (Social networking) เข้าสู่โครงการโดยปราศจากความเสี่ยงของความปลอดภัยของซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือส่วนการบริการ (SaaS)
Microsoft's Sharepoint แข่งขันกับ Notes และ Quickr ของ IBM, WebCenter Suite ของ Oracle, Google Docs และ CMS ซอฟต์แวร์EMC, Adobe, Cisco และชุดเริ่มต้นขนาดเล็ก เช่น Socialtext และ Zimbra องค์กรจำนวนมากกำลังให้ใช้ฟรี ซอฟต์แวร์ wiki เช่น MediaWikiเป็น open source ภายใต้ Wikipedia
การวิจารณ์ Sharepoint ชี้ถึงส่วนการทำงานของ Sharepoint Server 2007 จะทำงานเฉพาะกับ Microsoft Office เวอร์ชันใหม่ จึงบังคับให้ผู้จัดการไอทีต้องอัพเกรดซอฟต์แวร์ของพวกเขา Sharepoint ขาดการสนับสนุนสำหรับฟอร์แม็ตไม่ใช่ Microsoft เช่น ไฟล์ที่บันทึกด้วยการใช้Quark หรือ Adobe Acrobat (.PDFจึงเป็นสาเหตุของความกังวลสำหรับบางการประเมินของผู้บริหารระบบถึงชุดที่เป็น enterprise-wide CMSที่มีศักยภาพ Microsoft ระวังในการหลีกเลี่ยงเก็บค่าใช้จ่ายรวมกับบริษัทเหมือนที่เคยเผชิญกับสงคราม browser ในทศวรรษ 1990 แยก WSSเป็นการดาวน์โหลดฟรีแทนที่รวมอยู่ใน Windows Server

 Winsock 2 คืออะไร

Winsock 2 เหมือนกับ Winsock เป็นโปรแกรมอินเตอร์เฟซและสนับสนุนโปรแกรมที่จัดการคำขอ นำเข้า/ส่งออกสำหรับโปรแกรมประยุกต์ในระบบปฏิบัติการ Windows การเรียก Winsock เป็นเพราะปรับปรุงสำหรับ Windows จากอินเตอร์เฟซ Berkeley Unix socket

โดย socket เป็นข้อตกลงเฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างการประมวลผล 2 โปรแกรม Winsock 2 เป็นเวอร์ชัน 32 บิตของ Winsock
Winsock ทำงานระหว่างโปรแกรมประยุกต์ เช่น browser และโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่จัดการ TCP/IP คำขอไหลตามลำดับดังนี้
Web browser หรือโปรแกรมประยุกต์อื่น
|
ws2-32.dll (Winsock 2)
|
เลเยอร์ TCP/IP (หรือโปรโตคอลอื่น)
|
โมเด็ม หรือการ์ดเครือข่าย
|
อินเตอร์เน็ตและปลายทาง

Winsock 2 ให้ข้อได้เปรียบเหนือ Winsock
  1. เพิ่มเติมกับ TCP/IP มีการให้อินเตอร์เฟซกับโปรโตคอลหลากหลาย รวมถึง IPX/SPX, ISDN และโปรโตคอลไร้สาย
  2. โปรแกรมประยุกต์สามารถขอ multicast และบริการโปรโตคอลอื่นที่ไม่สนับสนุนโดย Winsock 1.1
  3. เสนอการเข้าถึงกับหลาย name space
  4. เสนอโปรแกรมประยุกต์ที่เป็นไปได้ของการเลือกบริการตามต้นทุน
Winsock 2 ได้รับการรวมเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการ Windows

Winsock คืออะไร

     Winsock เป็นโปรแกรมอินเตอร์เฟซและสนับสนุนโปรแกรมที่จัดการคำขอ นำเข้า/ส่งออก สำหรับโปรแกรมประยุกต์ในระบบปฏิบัติการ Windows การเรียก Winsock เป็นเพราะปรับปรุงสำหรับ Windows จากอินเตอร์เฟซBerkeley Unix socket โดย socket เป็นข้อตกลงเฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างการประมวลผล 2 โปรแกรมภายในคอมพิวเตอร์เดียวกันหรือข้ามเครือข่าย

Winsock ทำงานระหว่างโปรแกรมประยุกต์ เช่น Netscape browser และโปรแกรมอินเตอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ TCP/IP คำขอไหลตามลำดับดังนี้
Web browser หรือโปรแกรมประยุกต์อื่น
|
winsock.dll
|
เลเยอร์ TCP/IP
|
โมเด็ม หรือการ์ดเครือข่าย
|
อินเตอร์เน็ตและปลายทาง
Winsock ให้การอินเตอร์เฟซนี้สำหรับเวอร์ชันต่างๆของระบบปฏิบัติการ Windows การอินเตอร์เฟซเทียบเท่ามีอยู่แล้วสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์Mac จากการเริ่มต้นด้วย Windows 95 เป็นต้นมา Winsock กลายมาเป็นส่วนของระบบปฏิบัติการ แต่ในระบบก่อนหน้า ต้องติดตั้งโปรแกรมWinsock ระบบปฏิบัติการ UNIX ไม่ต้องการสิ่งเทียบเท่า Winsock เพราะ TCP/IP และใช้ socket ได้รับการออกแบบเพื่อเรียกใช้โดยตรงด้วยโปรแกรมประยุกต์ UNIX
บริษัทจำนวนหนึ่งเสนอโปรแกรม Winsock บางครั้งมาเป็นชุดของโปรแกรมโปรโตคอลอินเตอร์เน็ตและโปรแกรมประยุกต์ คัวอย่าง Chameleonให้ชุดของ Web browser, FTP utility, mail utility และอื่นๆ โปรแกรม Winsock รวมอยู่ด้วย Trumpet Winsock เป็นเวอร์ชันเครื่องแยกเดี่ยวความนิยมสูง Winsock เรียกใช้เป็นไฟล์ Windows dynamic link library สิ่งนี้ได้รับการโหลดเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อโปรแกรมประยุกต์ต้องการ แต่ไม่จำเป็นส่วนของโปรแกรมประยุกต์
ถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์เก่า เมื่อเริ่มต้นตั้งค่าการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต อาจจะต้องการทำให้มั่นใจเวอร์ชัน Winsock ถูกต้องสำหรับระบบปฏิบัติการและโปรแกรมประยุกต์ให้มาโดย access provider ถ้าระบบปฏิบัติการให้ 1 เวอร์ชันและชุดโปรแกรมประยุกต์ให้มาโดย access provider ให้อีกเวอร์ชัน เวอร์ชันของ Winsock ต้องถอนออกไป

Workstation คืออะไร

Workstation คืออะไรที่ทำงานได้จบภายในเครื่องเดียวครับ
ถ้าเป็น Computer มันก็คือเครื่องที่มีความเร็ว หน่วยความจำ ความจุของอุปกรณ์เก็บข้อมูล และอื่นๆ มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้กับโปรแกรมทุกตัวในสายงานนั้นๆโดยไม่ต้องไปพึ่งพาเครื่องอื่น


ถ้าเป็น Keyboard Workstation คือ เครื่องที่มีทั้งระบบอัด เล่นกลับ รวมถึงสามารถมิซ์เสียงทั้งหมดได้ในเครื่องเดียว ถ้าเป็นสมัยก่อนก็อาจจะอัดได้แค่ระบบ Sequencer ภายในเครื่อง ใช้เสียงของเครื่องเอง

แต่ถ้าเป็นเครื่องสมัยใหม่ ที่มีความสามารถสูงๆและแพงด้วย ) มันก็อาจจะมีระบบ Sampler ระบบ Multitrack Recorder ที่เอาเสียงจากภายนอกเข้ามาอัดได้ อะไรแบบนี้  เรียกว่าเครื่องเดียวก็ทำงานได้ ไม่ต้องต่อคอม หรือเครื่องอัดอื่นๆเลย


     1. workstation (เวิร์กสเตชัน) เป็นคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้ส่วนบุคคล แต่เร็วและมีความสามารถมากกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มีแนวโน้มการใช้สำหรับธุรกิจและวิชาชีพ เวิร์กสเตชัน และการประยุกต์ออกแบบ สำหรับการใช้โดยบริษัทขนาดเล็กด้านวิศวกรรมสถาปัตยกรรมการออกแบบกราฟฟิก หรือส่วนบุคคลที่ต้องการไมโครโพรเซสเซอร์ที่เร็วกว่า มีขนาด RAM มาก และส่วนพิเศษอื่น ๆ เช่น graphics adapterความเร็วสูงที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้น พร้อมกับระบบปฏิบัติการ UNIX และผู้ผลิตเครื่องเวิร์กสเตชันชั้นนำ ได้แก่ Sun Microsystems, Hewlett-Packard, DEC และ IBM
     2. ใน IBM และบริษัทอื่น ๆ คำว่า "Workstation" บางครั้งใช้ในความหมาย "คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่เชื่อมเข้ากับเครื่องเมนเฟรม" ในปัจจุบันสภาพแวดล้อมของบริษัท พนักงานมีเครื่องในลักษณะ "เวิร์กสเตชัน" หมายถึง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ต่อกันเครือข่าย LAN และใช้ทรัพยากรร่วมของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สามารถใช้เป็นอิสระจากเมนเฟรม เหมือนกับว่าพวกเขามีโปรแกรมประยุกต์ของตัวเอง ติดตั้งอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของตัวเอง การใช้ลักษณะนี้ของคำว่า "workstation" (ใน IBM เรียกว่า "programmable workstation") ทำให้แตกต่างจากความหมายเดิม ของ "terminal"
ที่มา; www.http://phpparty.com/index.php/